Saturday, May 21, 2016

ลองของใหม่ แซนวิชสลัดอกไก่มันฝรั่งโฮลวีทจาก Oishi

แซนวิชสลัดอกไก่มันฝรั่งโฮลวีทจาก Oishi

วันก่อน ตอนที่เข้าตรวจกิจการ 7-11 ยามเช้าเพื่อหาของกิน สะดุดกับแซนวิชออกใหม่ของค่าย Oishi แลดูแพ็คเกจดูสุขภาพดีขึ้นมาทันทีเพราะเป็นแซนวิชเพื่อสุขภาพ



แพ็คเกจสีขาวดูสะอาดตาอนามัยและน่ากิน และด้วยความที่เป็นคนแพ้มันฝรั่งเลยต้องหยิบมาทดสอบซักหน่อย ว่าแล้วก็กำเงิน 29 บาทไปจ่ายเคาท์เตอร์





น้องพนักงานที่เคาทเตอร์ก็ไม่รอช้าอุ่นในไมโครเวฟให้เราทันที หน้าตาที่ได้จากการอุ่นไมโครเวฟดูแล้วไม่ค่อยน่าทานเท่าไหร่


มาถึงตอนสำคัญแล้วหล่ะครับ ชิม ชิม ชิม และให้คะแนน

แพ็คเกจจิ้ง                        
หน้าตา                               
 
คุณภาพของวัตถุดิบ        
รสชาด                               
รวม                                    

สรุป: ต้องบอกเลยว่าการที่เอาไปเข้าไมโครเวปมีผลกับรสชาดเป็นอย่างมาก ยังสงสัยอยู่ว่าจริงแล้วแซนวิชแบบนี้เค้าต้องกินเย็นๆ มากกว่าที่จะเอาเข้าไปเวปแล้วกิน เพราะพอเอาไปเวปแล้วขนมปังมันจะคายน้ำออกมาทำให้ดูแฉะๆไม่น่ากินเอาเสียเลยและรสชาดและรสสัมผัสของขนมปังเลยเสียไป

ตัวไส้ทำออกมาได้ดี มีความหอมมันของมายองเนสและไก่กับมันฝรั่งก็เข้ากันเป็นอย่างดี เสียแต่ว่าไก่และมันฝรั่งชิ้นเล็กเกินไปจนได้ความรู้สึกว่าเป็นเศษๆสเปรดไก่ ถ้าจะให้อร่อยกว่านี้ เนื้อไก่ควรมีขนาดใหญ่กว่านี้นะครับ

โดยรวมแล้วก็พอกินได้ ไม่ถึงกับไม่อร่อย แต่คิดว่าต้องมีจุดปรับปรุงเรื่องไส้ และถ้าเอาไปใส่ Toaster ปิ้งให้ขนมปังเกรียมหอมกรอบ ก็น่าจะอร่อยกว่าเข้าไมโครเวฟนะครับ

คราวหน้าจะลองกินแบบไม่เข้าไมโครเวฟดูว่ารสชาดจะเปลี่ยนไปจากที่รีวิววันนี้หรือเปล่า แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ



Thursday, July 1, 2010

ผจญภัยในต่างแดน…ตะลุย Hong Kong Summer Spectacular 2010 (30 Jun – 03 Jul 2010) - DAY 2

ผจญภัยในต่างแดน…ตะลุย Hong Kong Summer Spectacular 2010 (30 Jun – 03 Jul 2010) - DAY 2

DAY 2



เช้าวันที่ 1 มาตลุยกันต่อครับ หลังจากนัดรวมพลและเดินทางไปเติมพลังด้วยอาหารเช้าติ๋ำมซำและละลายทรัพย์กันอย่างจริงจังที่ Franz Jewelery Factory เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนเสียทรัพย์หลับสบายกันแล้ว (นี่ยังเห็นภาพกังหันติดตาอยู่เลย) เราก็เดินทางกันต่อไปยัง Mid-Level Victoria Peak





Mid-Level Victoria Peak ครับ ตอนแรกนั่งเถียงกับแฟนว่ามันคืออะไร เพราะฟังจากชื่อตอนแรกนึกว่าจะพาไป Mid-Level Escalator หรือจะขึ้น Victoria Peak ก็ไม่รู้ ??? ??? ที่แท้ที่หมายนี้คือจุดชมวิวกึ่งกลางทางขึ้น Victoria Peak นั่นเอง งงกันอยู่ตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้วครับ
แต่เหมือนมากับทัวร์คุณหญิงคุณนายยังไงไม่รู้ ซักพัก 2 สาวกับ คุณชายน้อยก็ทนร้อนไม่ไหว แว๊บไปนั่งตากแอร์บนรถ ทิ้งเราให้ถ่ายรูปอยู่คนเดียว




เราเดินทางมายัง Repulse Bay ครับ รถเยอะพอสมควรเนื่องจากวันหยุดที่ฮ่องกงครับ แดดแรงและร้อนมากครับขอบอก มันฮ่องกงหรือพัทยาฟ่ะเนี่ย







พอข้ามสะพานมา ก็ตรงรี่มายังปลาสีเหลืองตัวนี้ครับ ตั้งใจว่าจะมาอธิฐานและโยนเหรียญเข้าปากปลาที่นี้ ของผมโยนไม่กี่ทีก็เข้าปากปลาเป็นที่เรียบร้อย แฟนผม, น้องเบลล์ และเจ้าบรู๊ค ก็ไม่รอช้า พยายามโดยเหมือนกัน แต่ด้วยความที่แดดร้อน โยนไปสองสามทีก็ทำท่าจะเลิก ผมเลยแกล้งกระซิบหลอกไปว่า "เค้าบอกว่าถ้าโยนเหรียญเข้าปากปลาแล้วจะได้กลับมาเที่ยวฮ่องกงอีกครั้ง" เท่านั้นแหล่ะ มหกรรมการโยนก็เกิดขึ้น ป้อม และเบลล์โยนกันอย่างเต็มเหนี่ยว ไม่ห่วงสวยห่วงร้อนอีกต่อไปแล้ว ทั้งโยน ทั้งขว้างกันสุดแรง ประมาณว่าถ้าโดนฟันหรือตาปลามันคงแตกกระจายแน่ๆ ทั้งโยนทั้งชูตกันพัลวัน ตอนนี้คนก็เริ่มแห่กันมาโยนกันอย่างล้นหลาม คงเห็นว่า ครอบครัวนี้มันเป็นอะไรกันฟ่ะ โยนกันเอาเป็นเอาตายมาก ทั้งโยนและหลบเหรียญที่หล่นลงมาไม่ให้โดยหัว วุ่นวายไปหมด




สุดท้ายก็มาจบที่ร้านนี้ครับ เสียภาษีปากเรือเป็นไอติมดับร้อน 4 แท่ง (ถ้าใครเห็นไอติมแท่งแดงๆ ขอบอกนะครับอย่าเสี่ยงหยิบมา เพราะมันเป็นรสถั่วแดงครับ ผมเองพลาดโผเข้าหาด้วยความที่นึกว่าเป็นรสสตอเบอรี่เย็นฉ่ำ ที่ไหนได้ ได้รสถั่วแดงมา กินแล้วเสียดายปากมากครับ)





เดินทางต่อมาอีกนิดนึง ก็ถึง Stanley Market ครับ (อารมณ์ประมาณพัทยาผสมตลาดนัดสวนจตุจักรเลยครับ) เดินแล้วของหลายอย่างเหมือนว่าเคยเห็นแถวๆ สวนลุมฯไนท์บาซาร์เลยแฮ่ะ แต่แอร์เย็นสบายเลยเดินกันไม่บ่นเท่าไหร่ แต่มาที่นี่มีร้านของเล่น เลยเสียภาษีเป็นรถ Mini Cooper ให้น้องบรู๊ค 1 คัน แค่นี้ก็มีกำลังใจเดินอีกโขแล้วครับ (มาทริปนี้ เสียรถไปหลายคันเลย เอามาล่อให้น้องบรู๊คเดินต่อ ไม่มีบ่นเลยครับ ถึงไหนถึงกัน ถ้ามีรถมาล่อ เพื่อนร่วมทริปนี้คงรู้ดี อิ อิ อิ)








อ่าว Stanley Bay ครับ



หลังจากเดินกันจะละลายที่ Stanley Market คณะเราก็เดินทางต่อมาถึง Ngong Ping Cable Car Terminal จนได้



เติมพลังกันด้วย ทาร์ตไข่จาก HKFC ครับ โซ้ยหมดอย่างรวดเร็วเพราะความหิวจัด อีกทั้งปาเข้าไปเกือบบ่ายโมงแล้ว เจ้าบรู๊คไม่ชอบกิน...ชิ้นที่เหลือเลยเสร็จโจร





ออกเดินทางได้...ขึ้นไปกระเช้าเดียวกันกับน้องนิดและน้องภัทร ที่มาทริปเดียวกัน (ความจริงทำงานที่เดียวกับภัทรแล้วรู้จักกันมาก่อนด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะมาทริปเดียวกัน อุตสาห์แอบหนีมาแล้วเชียว ยังตามมาหลอกมาหลอนกันอีก ) เจ้าบรู๊คติดน้องนิดมากแกะแน่นไม่ยอมปล่อยเลย (โชคร้ายหน่อยนะครับน้องนิด)




นั่งมาเกือบ 20 นาทีก็เห็นองค์พระแล้ว แสดงว่าใกล้ถึงแล้ว ข้างล่างมีทางเดินด้วย (สงสัยจังจะมีคนเดินมั๊ยเนี่ย ไกลคล๊อดๆ)



ในที่สุดก็ถึงจนได้...Ngong Ping Village ครับ ว่าแต่ว่า หิวมากกกก เดี๋ยวแวะหาอารายกินก่อนที่นี่ดีกว่า ไม่มีแรงเดินต่อและ ที่สำคัญ ร้อนมากๆครับขอบอก ต้องหาห้องแอร์เป็นที่สิงสถิตก่อน เพราะมนุษย์หิมะเริ่มละลายแล้วจ้า...

บรรยากาศในหมู่บ้าน Ngong Ping ครับ



ท้องฟ้าสวยจริงๆครับวันนั้น ถ่ายรูปนี้กลับมาดูแล้วชอบมากๆเลยครับ ฟ้าเป็นสีน้ำเงินอีกแล้ว



มาต่อกันดีกว่าครับ ใกล้ถึงองค์พระใหญ่แล้วครับ



เนื่องจากหิวมากๆเพราะบ่ายกว่าแล้วยังไม่ได้กินข้าว อีกทั้งอากาศร้อนสุดๆไปเลย เหลือบซ้ายแลขวาเห็นร้านนี้เข้า ไม่สนแล้วครับ เอาร้านนี้ดีกว่า ร้าน Ngong Ping Garden Restaurant เลือกร้านนี้เพราะร้านนี้ชั้นสองติดแอร์ครับ โอ้ว..แม่เจ้าเหมือนขึ้นสวรรค์ แอร์เย็นมาก






เข้าไปอึ่งกิมกี่ไม่รู้จะสั่งอะไร ลูกสาวเลยสั่งข้าวผัด ส่วนผมกับภรรยาสั่งอาหารชุดกินสองคน ในชุดมีชุดห่านย่างหมูแดงแล้วก็ไส้กรอก ซุปมันเทศ ผักบุ้งผัด และ ไก่ผัดเต้าซี่ สรุปว่าอร่อยทุกอย่างเลยครับ ยกเว้นซุปมันเทศ (ผมว่าต้มน้ำตาลให้กินเป็นของหวานอาจจะอร่อยกว่าก็ได้นะ) แต่ห่านย่างอร่อยมากครับ ถือว่าเป็นห่านย่างจานแรกของทริปฮ่องกงทริปนี้ครับ หนังกรอบเนื้อหนา (สังเกตุว่าหมดอย่างรวดเร็วก่อนจะได้มีโอกาสถ่ายรูปอีกครับ) ข้าวผัดก็อร่อยทีเดียว เป็นข้าวผัดแล้วราดน้ำราดหน้าทะเลน้ำข้น (เหมือนเคยกินเมนูนี้แถวร้านตรงถนนจันทร์ครับ) เป็นอันว่าอิ่มอร่อยครับ ทานกับชาร้อนแก้เลี่ยน ค่าเสียหายทั้งหมดประมาณ HK$250 ครับ ไม่ถูกไม่แพงเพราะ กิน 4 คนอิ่มแปรเลย แถมนั่งแช่ตากแอร์ในร้านเย็นฉ่ำสบายครับ


หลังจากอิ่มหมีพีมันกันแล้วเราก็ออกเดินทางต่อครับ แต่...เดินออกมาจากร้านอาหารได้ 10 ก้าว เหล่าคุณนายและคุณชายก็อุทรณ์ไม่อยากเดินต่อล่ะเพราะมันร้อน หนีหลบร้อนไปนั่งกินกาแฟรอที่ Starbuck กันหมด ปล่อยให้ตากล้องตาดำๆ เดินไปถ่ายรูปแต่เพียบลำพัง แต่ก็เอาหล่ะว่ะ ร้อนเป็นร้อน อุตสาห์เสียตังค์ขึ้นมาแล้วนี่ ไปคนเดียวก็ได้ เช้อะ! ความจริงแล้ว ค่อนข้างหลั่นลามากๆครับเพราะจะได้เดินดูสาวขาวหมวยแบบไม่ต้องเกรงใจสื่อ เดินมาได้ซัก 5 นาทีเริ่มแสบสันคอ รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดตะหงิดๆ นึกถึง Caramel Freppe' ขึ้นมาจับใจ แต่ก็เดินมาแล้ว ก็ต้องเดินให้สุด...(แต่ขอไม่เดินขึ้นนะ เกรงใจคนรออยู่ที่ Starbuck)





เดินกลับมาด้วยความโหยหา คิดถึงลูก คิดถึงเมีย และ Cappuccino Frappe Grande





เดินกลับมาถึงแทบละลาย คนที่นั่งรออยู่ก็บอกว่าลงได้แล้ว จะรีบไปช๊อปต่อที่ City Gate Outlet เดี๋ยวไม่มีเวลาช๊อป...เราทุกคนก็รีบแจ้นมายังกระเช้า โดยหารู้ไม่ว่ากำลังจะเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้น...เรานั่งรถกระเช้าเจึ๊ยวจ้าวมาได้ครึ่งทางแล้วก่อนที่ป้อมจะร้องบอกว่า..."ลืมถุงผ้า HKFC ไว้ที่ร้าน Starbuck"

เท่านั้นแหล่ะบรรยากาศก็เงียบกริ๊บ ทุกคนกลับมาตั้งสติกันว่ามีอะไรอยู่ในถุงผ้าบ้าง ได้ความว่า มีน้ำ 2 ขวดที่ได้รับแจกมา กล่องใส่แว่นกันแดด Playboy สุด Hi So แล้วก็บรรดาพวงกุญแจของฝาก (ที่ได้ขาดสติซื้อมามากมายบนรถทัวร์) และทีสำคัญถุงผ้า HKFC ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้แล้ว บรรยากาศในรถกระเช้าก็มาคุขึ้นมาทันทีเลย ไม่รอช้าผมงัดเอา iPhone มาเข้า net ทันทีเพื่อหาเบอร์ Starbuck บน Ngong Ping แฟนรีบตั้งสติ List ของในกระเป๋าต่อไป น้องเบลล์ไปนั่งหลบมุมเล็กๆมุมนึง นั่งสลด นึกถึงพวงกุญแจที่ตั้งใจเอาไปฝากเพื่อนกับอาจารย์ น้องบรู๊คหลับ (ไม่เกี่ยวอะไรเลยเนี่ย)

พอดีนั่งมาพร้อมกับอาคันตุกะชาวต่างชาติอ่ะครับ (แขก) เข้าใจว่าพวกนั้นคงจะงงกันใหญ่เพราะ หลังจากทนหนวกหู พวกนี้เจี๊ยวจ้าวเฮฮามาได้ครึ่งทาง อีบ้านนี้ก็โวยวายลั่น แล้วก็มีเด็กคนนึงสลบไป เด็กอีกคนนึงเข้ามุมสงบ นั่งน้ำตาคลอกับวิวพระใหญ่ แม่ก็นั่งงึมงัมอะไรซักอย่าง ตัวพ่อมันก็เล่น iPhone แล้วก็โทรศัพท์วุ่นวายไปหมด (หรือทุกคนจะเมากระเช้าเนื่องจากกลิ่นเครื่องเทศก็ไม่ทราบได้)

ในความรู้สึก รู้สึกว่าจะขาลงรู้สึกว่ากระเช้ามันลงมาถึงเร็วมาก ไม่รู้เพราะมันแต่พะวงเรื่องของหรือเปล่า แต่ก็ถึงเร็วมาก...ผมเองรีบแจ้นไปติดต่อเจ้าหน้าที่กระเช้าที่เคาเตอร์เลยครับบอกว่าเราลืมของ เค้าก็รีบให้เราแจ้งรูปพรรณสัณฐานของกระเป๋าและของที่อยู่ข้างใน เค้าก็รีบวอ.บอกเจ้าหน้าที่ด้านบนให้ เค้าขอเบอร์โทรศัพท์เราไว้เผื่อว่าหาเจอแล้วเค้าจะโทรมาบอก ค่อยเย็นใจไปเปราะนึง เจ้าตัวเล็กยังหลับปุ๋ยเลยครับ เลยต้องไปยึดเอา Food Republic เป็นฐานบัญชาการ แล้วก็ผลัดกันไปเดินช๊อป ช๊อปได้ซักพักนึง เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นครับ เจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าเจอกระเป๋าแล้ว แต่ยังอยู่ข้างบน Ngong Ping Village เค้านัดให้กลับมาเอาที่ศูนย์นักท่องเที่ยวข้างล่างอีก 30 นาที วุ๊ปปี้รอดตัวไปครับ ได้กระเป๋าผ้า HKFC กลับมาจนได้ (เสียดายแต่กระเป๋านี่แหล่ะ)



อากาศร้อนมากจนเด็กแถวนั้นแก้ผ้าเล่นน้ำตรงน้ำพุเต้นรำเลยครับ


ช๊อปที่ City Gate มันส์มาก ได้มาสองถุงใหญ่ๆ เป้าหมายต่อไปตามรายการชะโงกทัวร์ คือ Symphony of Lights ที่ Avenue of Stars ครับ หลังจากเอาของไปเก็บที่โรงแรมแล้ว เราก็รีบแจ้นไป เกือบไม่ทันดูอ่ะครับ แต่งงงงนิดหน่อยเพราะีคนมันเยอะมาก เสียดายมากที่ไม่ได้แบกขาตั้งกล้องมาจากเมืองไทย เลยได้ภาพมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะต้องรีด ISO กันแบบสุดๆครับ หลังจากการแสดงเป้าหมายสุดท้ายของวันไปจบที่ Mongkok ครับ ก่อนแยกย้ายกลับโรงแรม รีบแจ้นมาดู Brazil ปะทะ Holland ที่โรงแรม (ปล่อยคุณภรรยาแอบหนีออกไปช๊อปต่อย่าน Tsim Sha Tsui อีกพักใหญ่ครับ) เป็นอันสิ้นวันที่สองของการเดินทางอันแสนยาวนาน (วันนี้เริ่มออกจากโรงแรมตอน 7:00am กลับโรงแรม 23:00pm ครับ ใช้โรงแรมไม่คุ้มเลย)




ถ่ายไปก็นึกเจ็บใจไปว่า รู้งี้เอาขาตั้งกล้องมาด้วยก็ดีนะ...ฮือ ฮือ